วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ต้นสนแผง

ต้นสนแผง
ข้อมูลพฤกษศาสตร์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thuja orientalis Endl.
ชื่อวงศ์ : CUPRESSACEAE
ชื่อสามัญ : Chimese Arborvitae, Orientali Arborvitae
ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ : สนแผง สนหางสิงค์ สนมังกร
ถิ่นกำเนิด : เขตหนาวของจีนรวมถึงเกาหลีเหนือ มองโกเลียและบางส่วนของอิหร่าน
การกระจายพันธุ์ :
ในประเทศไทย มีการปลูกประดับทั่วไป
การขยายพันธุ์ : การตอนกิ่งและเพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์ :
ปลูกเป็นไม้ประดับ
เปลือกต้นทำให้ระดูขาวแห้ง
ใบแก้ปวดตามข้อ ลดไข้ ช่วยห้ามเลือด ตกเลือด ขับเสมหะ แก้ไอ ขับปัสสาวะ แผลผุพองจากน้ำร้อนและไฟไหม้
ลักษณะวิสัย : ไม้พุ่ม
เรือนยอด ทรงพุ่ม: รูปกรวย สูง 20 ม. กว้าง 1-2 ม.
ถิ่นอาศัย : เป็นพืชบก


ลักษณะลำต้น
  
เป็นไม้พรรณยืนต้น  แตกกิ่งก้านสาขามากมาย และลำต้นจะบิดเป็นเกลียว  เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอมแดง
ลำต้นจะสูงต้มที่   ประมาณ 20 เซนติเมตร

                   


ลักษณะใบ
ใบ :สีเขียวอ่อน 
ลักษณะพิเศษของใบ:เป็นใบไม้ร่วมแตกออกเป็นเกล็ด เรียงติดกันแน่นกับกิ่งมีลักษณะเป็นแผง
การเรียงตัวของใบบนกิ่ง : ตรงข้ามสลับตั้งฉาก
รูปร่างแผ่นใบ รูปเข็ม
ปลายใบ : ปลายใบแหลมเข็ม มีรยางค์แข็ง
โคนใบ รูปตัด
ขอบใบ : เป็นแฉก
 
ลักษณะดอก
ดอกสนแผงออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ ดอกมีลักษณะเป็นรูปไข่ สีน้ำตาลอ่อน ดอกเพศผู้แล้วดอกเมียจะอยู่กันคนล
ดอก แต่อยู่บนต้นเดียวกัน โดยดอกเพศผู้จะมีก้านสั้นมาก ส่วนดอกเพศเมียไม่มีก้าน


ลักษณะผล
ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมตั้งตรง ผลอ่อนฉ่ำน้ำ สีเขียวอมสีน้ำเงิน มีผงสีขาวปกคลุมอยู่ เมื่อแก่จะเป็นผลแห้ง มีสีน้ำตาลอมแดง และจะแตกออกเป็น 8 แฉก ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-2 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่สีน้ำตาลเข้มและมีสัน ในภาษาจีนจะเรียกเมล็ดสนแผงว่า “ไป่จื่อเหยิน"

สรรพคุณของต้นสนแผง

  1. ใบมีรสขมฝาด เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ลำไส้ใหญ่ และตับ ใช้เป็นยาทำให้เลือดเย็น แก้ร้อนในปอด 
  2. เมล็ดมีรสหวานเผ็ด เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ลำไส้ใหญ่ ตับ และไต ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ทำให้หัวใจชุ่มชื่น ช่วยทำให้จิตใจสบาย 
  3. ใบมีสรรพคุณเป็นยาลดความดันโลหิต ด้วยการใช้ใบสด 15 กรัม นำมาชงกับน้ำดื่มแทนชา โดยดื่มจนกระทั่งความดันลดลง 
  4. ผลใช้เป็นยากล่อมประสาทสำหรับผู้ที่หัวใจเต้นเร็วแล้วนอนไม่หลับ 
  5. ใช้แก้ประสาทอ่อน นอนไม่หลับ หรือมีอาการตกใจง่าย ด้วยการใช้เมล็ดสนหางสิงห์ 12 กรัม, แหม่เกาติ๊ง 12 กรัม, เมล็ดพุทราจีนที่ผ่านการคั่วมาแล้ว 10 กรัม, หกเหล็ง 10 กรัม, และเอี่ยงจี่ 10 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำรับประทาน 
  6. ใบใช้เป็นยาแก้คางทูม โดยใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด ผสมกับไข่ขาว แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น และให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง 
  7. ช่วยแก้อาการไอ และขับเสมหะ ด้วยการใช้ใบสด 30 กรัม และน้ำ 500 มิลลิลิตร นำมาชงเข้าด้วยกัน ใช้กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-6 ครั้ง 
  8. ตำรายาแก้หลอดลมอักเสบ และแก้อาการไอ ให้ใช้ใบนำมาบดให้เป็นผง ทำเป็นยาเม็ด เมล็ดละประมาณ 0.5 กรัม ใช้รับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ต่อติดกันเป็นเวลา 10 วัน 
  9. ใช้เป็นยาแก้บิดไม่มีตัว 
  10. หากมีเลือดกำเดาไหล ให้ใช้ใบแห้งและดอกทับทิมแห้ง อย่างละเท่ากัน นำมาบดให้เป็นผงแล้วเป่าเข้าในจมูก 
  11. ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด 
  12. ช่วยขับลมชื้น 
  13. ช่วยแก้เด็กท้องร่วง ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม 
  14. เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ ใช้แก้อาการท้องผูก หรือจะใช้เมล็ดสนหางสิงห์ร่วมกับเมล็ดกัญชา อย่างละ 15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานก็ได้ 
  15. ผลใช้เป็นยาบรรเทาอาการลำไส้ตีบ 
  16. ช่วยแก้บิดมูกเลือด แก้เลือดออกในกระเพาะและลำไส้ 
  17. ช่วยขับปัสสาวะ ด้วยการใช้ใบสด 30 กรัม และน้ำ 500 มิลลิลิตร นำมาชงเข้าด้วยกัน ใช้กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-6 ครั้ง 
  18. ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด 
  19. เปลือกต้นใช้ฝนเป็นยากวาดทวารเบา 
  20. ใช้แก้ริดสีดวงทวารที่เลือดไหลไม่หยุด ด้วยการใช้ขี้เถ้าของใบนำมาชงกับน้ำกิน 
  21. ช่วยขับระดูของสตรี 
  22. ช่วยทำให้ดูระขาวแห้ง 
  23. แก้ตกเลือด สตรีตกเลือด ให้ใช้ใบ 120 กรัม นำมาต้มกับน้ำ ใช้แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้ง 
  24. เปลือกต้นมีสรรพคุณเป็นยาฝาดสมาน 
  25. ใบใช้ยาห้ามเลือด ด้วยการใช้บดเป็นผงแล้วโรยใส่แผลเพื่อห้ามเลือด 
  26. ช่วยรักษาแผลพุพอง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (บ้างว่ารักษาไฟลามทุ่งได้ด้วย) ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วใส่น้ำผสมลงไป คนจนเหนียวเป็นยาง แล้วใช้พอกบริเวณที่เป็น 
  27. ช่วยแก้อาการข้อ 
หมายเหตุ : วิธีใช้ตาม [2] ใบและเมล็ด ให้ใช้ครั้งละ 6-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทา หรือจะใช้ร่มกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาก็ได้
วีดีโอเกี่ยวข้อง

อ้างอิง
https://mynameistamin.wordpress.com
http://frynn.com/
https://sites.google.com/
http://www.shc.ac.th/learning/botanical-garden/213.htm
https://www.youtube.com/watch?v=FcRE18EY260







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น